'.$description; ?>

Heading for Printing

คลายปมในใจ

ฝากถึงคุณแม่คุณพ่อ - คลายปมในใจ

บทความสำหรับพ่อแม่

วันที่ เรื่อง ผู้แต่ง
24 พ.ค. 2564ที่พักใจในยามที่ใจถูกรุมเร้าชุติมณฑน์ ปัญญาคำ
6 พ.ค. 2563สถานการณ์โควิด 19 กับมิติการดูแลทางสังคมสุฑาทิพย์ คำเที่ยง
15 มี.ค. 25636 เคล็ดลับที่ทำให้ลูกเป็นเด็กดี มีความสุขกิตติมา สุริยกานต์
4 มี.ค. 2563เข็น ...ใจชุติมณฑน์​ ปัญญาคำ
8 พ.ย. 2562รู้เท่าทันอารมณ์ชุติมณฑน์ ปัญญาคำ
12 ก.ย. 2562เรื่องเล่าจากห้องตรวจ ตอนที่ 1 รองเท้าของหนูอาทิติยา แดงสมบูรณ์
21 ม.ค. 2562การสร้างวินัยเชิงบวกกิตติมา สุริยกานต์
3 ม.ค. 2562ความรุนแรงในเด็กและเยาวชนสุฑาทิพย์ คำเที่ยง
22 ต.ค. 2561โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดสุฑาทิพย์ คำเที่ยง
20 ก.ย. 2561อุปกรณ์เครื่องช่วยฟังกิตติมา สุริยกานต์
20 ส.ค. 2561การเยียวยาสภาพจิตใจผู้ดูแลผู้ป่วยที่มีความผิดปกติบนใบหน้าและศีรษะกิตติมา สุริยกานต์
15 ส.ค. 2561บัตรประจำตัวคนพิการและสิทธิประโยชน์สุฑาทิพย์ คำเที่ยง
16 ก.ค. 2561สร้างคุณค่าในตนเอง เสริมภูมิคุ้มกันในชีวิตสุฑาทิพย์ คำเที่ยง
19 มิ.ย. 2561ไม่มีที่พักเมื่อจะมาพบแพทย์กิตติมา สุริยกานต์
20 เม.ย. 2561ค่าเดินทางสำคัญอย่างไรกิตติมา สุริยกานต์
6 ก.ค. 2560มาผิดวันนพ.นนท์ โรจน์วชิรนนท์

คลายปมในใจ

เล่าเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 65
โดยชุติมณฑน์ ปัญญาคำ

ในช่วงชีวิตของคนเราล้วนแล้วมีสิ่งมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต มีทั้งดีและร้าย  บางอย่างผ่านไปได้ไม่ติดขัดหรือค้างคา แต่บางอย่างก็สะสมคลายไม่ออกจนกลายเป็นปมในใจ เช่น ความผิดหวัง การสูญเสียคนอันเป็นที่รัก อกหัก ปัญหาเศรษฐกิจ หรืออีกหลากหลายของประสบการณ์ในชีวิตของแต่ละคน  เมื่อความคลายไม่ออกมันฝังรากลึกจนปั่นทอนความสุขในชีวิต หรือหากเป็นมากก็รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของคนคนนั้นไป มันจะดีไม่น้อยที่เราจะเรียนรู้วิธีที่จะคลายปมในใจ เพื่อให้สามารถก้าวข้ามสิ่งที่ติดค้างในใจนั้นไปได้ เพื่อให้เราสามารถอยู่อย่างมีพลัง เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาพร้อมที่จะก้าวต่อไปอย่างมีความสุข

บางคนใช้หลักการเชื่อมโยงพลังแห่งชีวิตผ่านการสวดมนต์ ภาวนา ทำสมาธิ เพื่อให้เกิดสติ  เรียนรู้ความเป็นไปของชีวิต ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วผ่านไปไม่ยึดติด  สำหรับใครที่ยังคิดไม่ออกหรือทำวิธีข้างต้นมาแล้วยังไม่ได้ผล ยังมีวิธีที่น่าสนใจที่อยากจะแบ่งปันให้ลองนำไปใช้กัน นั่นก็คือการปรับความคิดอย่างเป็นระบบ

1. ฝึกแยกแยะเรื่องราว

โดยการฝึกคิดแยกแยะสิ่งที่เข้ามารบกวนว่า สิ่งไหนควบคุมได้ สิ่งไหนควบคุมไม่ได้  มันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝึกเพราะมุมมองและความคาดหวังของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทั้งยังมีองค์ประกอบของลักษณะส่วนบุคคลอีกมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง  บางคนยอมรับง่าย บางคนคาดหวังสูง บางคนเคยประสบความสำเร็จในชีวิตตลอด เป็นต้น  เมื่อต้องเผชิญปัญหาทำให้ตกอยู่ในวังวนของความคิด เช่น เมื่อพ่อแม่มีลูกที่พิเศษก็เฝ้าถาม เฝ้าคิดกับตนเองเพื่อที่จะหาคำตอบว่าเกิดจากอะไร ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ผิดที่เธอหรือผิดที่ฉัน  ความคิดที่เวียนวนดุจดั่งบ่อน้ำวน รู้สึกตนจัดการอะไรไม่ได้ ความคิดที่วนซ้ำไปซ้ำมาจนกลายเป็นว่าตกอยู่ในหลุมแห่งความทุกข์  ลองมาฝึกจัดการดังนี้

  • ลองตั้งสติหาที่เงียบ ๆ เพื่อทบทวนและลำดับปัญหาว่าอะไรที่ตนควบคุมได้ และอะไรที่ตนควบคุมไม่ได้
  • เลือกที่จะจัดการสิ่งที่ควบคุมได้ เช่น ถ้าตอนนี้ลูกยังเดินไม่ได้ ก็ฝึกคิดว่าเหนือการควบคุมของเรา แต่สิ่งที่เราควบคุมได้คือการจัดเวลาที่จะฝึกลูกตามที่นักกายภาพแนะนำ  ทำอย่างตั้งใจจดจ่อเพราะเวลาเป็นสิ่งที่เรายังจัดสรรและควบคุมได้
  • เอาเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ออกไปจากความคิดและฝึกที่จะวางใจให้คนที่มีอำนาจมากกว่าจัดการ เช่น เรื่องการรักษาลูกก็ให้เป็นหน้าที่ของหมอแทนการพยายามคิดว่าทำอย่างไรลูกจะหาย หรือฝึกบอกกับตัวเองในสิ่งที่เหนือการควบคุมของเราว่า “เรื่องนี้เหนือกำลังที่ฉันจะจัดการ แต่เป็นเรื่องหมอ”
  • เพียงแค่ฝึกคิดแยกแยะได้ จะช่วยให้เรามีพลังและมองเห็นช่องทางมากขึ้น

2. ฝึกตั้งเป้าหมายที่พอดี

สิ่งที่สำคัญที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายได้ คือ ต้องมีความชัดเจนของสิ่งที่เราตั้งเป้าหมายไว้ เช่น ตั้งเป้าหมายว่าจะฝึกลูกเดินทุกวัน วันละ 3 รอบ  ซึ่งการฝึกตั้งเป้าหมายนี้จำเป็นอย่างมากที่สิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ด้วย

3. มุ่งมั่นและลงมือทำ

เมื่อกำหนดเป้าหมายแล้วก็ลงมือทำอย่างเอาจริงเอาจัง เช่น มุ่งมั่นที่จะฝึกลูกเดินตามที่หมอแนะนำ กำหนดเวลา ลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ

4. รอคอยอย่างมีศิลปะ

การรอคอยที่ไม่คาดหวังมากแต่ทำอย่างเต็มที่ เผื่อใจกับผลลัพธ์ ยินดีกับผลลัพธ์ที่ได้ไม่ว่าจะออกมาเป็นแบบใด ไม่เร่งตัวเองจนเครียด ฝึกมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่  หาเวลาเติมพลังให้กับตัวเองผ่านการมีเวลาเป็นของตัวเอง เช่น ฟังเพลง ไปท่องเที่ยวบ้าง อยู่กับสิ่งที่ตนชอบไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาไม่กี่นาที

5. ให้กำลังใจตัวเองอย่างสม่ำเสมอ

กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่เราสามารถให้กับตัวเองได้ ใช่ว่าจะได้จากคนอื่นเท่านั้น  ฝึกที่จะบอกกับตัวเองว่า “ฉันทำดีที่สุดแล้ว” “ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้แหล่ะ” “ฉันก็ดีพอในแบบฉบับของฉัน”

***** ปมในใจคลายได้ แค่เรากล้าที่จะคลายมัน*****